วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2556



           เล่าเรื่องราวชีวิตของเพนกวินจักรพรรดิ


19 กรกฎาคม 2002
ออกจากไข่

วันนี้เป็นวันที่ผมลืมตามาดูโลก หลังจากที่นอนอยู่ในเปลือกไข่ที่แสนจะมืดมิดและคับแคบมานานถึง 66 วัน  เมื่อเจาะเปลือกไข่ออกมา ผมก็พบกับแสงสีขาวเจิดจ้าและความหนาวเหน็บของทวีปที่เรียกว่า แอนตาร์กติกาหรือขั้วโลกใต้ ที่ปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็ง 
ขณะที่ยังงงๆ ผมก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเรียก เมื่อเงยหน้ามอง ผมรู้ทันทีว่านี่คือพ่อของผม  พ่อผมตัวโตน่าดูเลยละ 
ผมรู้สึกหนาวจับใจ นี่คือความโหดร้ายของแอนตาร์ติกา ดินแดนที่หนาวที่สุดในโลก ฤดูหนาว อุณหภูมิอาจลดต่ำกว่า -50 °C  แต่โชคดีที่ผมมีพ่อ พ่อพาผมเข้าไปอยู่ระหว่างเท้า และใช้ส่วนหนาๆ ของท้องที่เรียกว่า ถุงหน้าท้อง ห่มผมราวกับผ้าห่ม ช่วยให้อุ่นขึ้นเยอะ 
ผมโผล่หัวออกมาดูโลกภายนอก รอบตัวผมมีนกเพนกวินมากมายนับพันตัว มีทั้งลูกนกและเพนกวินที่ตัวโต พวกมันต่างส่งเสียงร้องระงมหนวกหูน่าดู  แล้วผมก็เพิ่งสังเกตว่าแม่ไม่อยู่  พ่อบอกว่าแม่ออกเดินทางไปนานแล้ว และกำลังจะกลับมาในเร็วๆ นี้ พร้อมอาหาร  พูดถึงอาหาร ผมก็หิวขึ้นมาพอดี  เมื่อไรแม่จะกลับมานะ
 
สวัสดีครับ

ที่นี่มันช่างหนาวจริงๆ เลย

แต่มีพ่ออยู่ด้วยก็สบายใจได้ ใต้ท้องพ่อนี่อุ่นสบายจัง
 
อย่าหอมสิพ่อ อายเขานะ
20 กรกฎาคม 2002
แม่กลับมาแล้ว

 เช้ามืดวันนี้ ฝูงแม่เพนกวินหลายพันตัวก็กลับมาจากท้องทะเล นั่นคือเหล่านกตัวเมีย ทั้งหลาย  พ่อได้ยินเสียงร้องที่คุ้นเคย พ่อบอกว่านั่นคือเสียงแม่  แม้จะหน้าตาเหมือนกันหมด แต่เพนกวินจะจดจำกันได้จากเสียงร้อง พ่อร้องเรียกตอบไป และไม่นานแม่ก็เดินมา
เมื่อเห็นแม่ผมก็หิวขึ้นมาทันที  ผมร้องขออาหาร แม่คายอาหารที่แสนอร่อยในปากให้ผม มันคือปลาและสัตว์ทะเลที่ย่อยแล้วจนนิ่ม  แล้วพ่อผู้หิวโหยก็ขอตัวออกไปหาอาหารบ้าง พ่อจะกลับมาในราว 2 อาทิตย์ข้างหน้า  ตอนนี้แม่จะดูแลผมแทน 
 
แม่ ผมหิวแล้ว...
 
อิ่มแล้วครับ
 
ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว

27 กันยายน 2002
เข้าโรงเรียนอนุบาล

ผมเติบโตขึ้นมากพอจะเผชิญกับความหนาวได้แล้ว  พ่อกับแม่บอกว่าถึงเวลาที่จะออกไปอยู่กับลูกนกตัวอื่นบ้าง เพื่อฝึกการเดินและการอยู่ร่วมฝูง
ผมเข้าไปเล่นกับลูกนกตัวอื่นๆ มีนกเพนกวินตัวโตๆ สามสี่ตัวคอยดูแลระวังอันตรายให้  พวกเราต้องหัดเดินและต้องอยู่ใกล้ๆ กันเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น และก็ต้องคอยระวังพวกนกนักล่าจากท้องฟ้า อย่างเจ้านกเพทเทรลอันธพาล (เมื่อวานเพื่อนผมตัวหนึ่งถูกมันจับกินด้วย)
ตอนบ่ายมีพายุหิมะพัดมา อุณหภูมิลดต่ำถึง -40 °C พวกเราลูกนกทั้งหลายต้องซุกหน้าเข้าหากัน หันหลังออกปะทะลม  วิธีนี้ช่วยให้เราอุ่นขึ้นมาก  ผมโชคดีที่อยู่กลางวง ตรงนี้อุ่นกว่าข้างนอกตั้ง 20 °C
 
ได้เวลาออกไปเล่นแล้ว
 
มาที่นี่ได้เจอเพื่อนเยอะเลย ชอบจัง
 
เล่นอะไรดีล่ะพวก ปาหิมะดีไหม
 
ที่โรงเรียนอนุบาล

กอดกันไว้จะได้ไม่หนาว
6 ตุลาคม 2002
ทำไมเพนกวินบินไม่ได้

ผมถามพ่อว่า ทำไมไม่เคยเห็นพ่อบินเหมือนนกตัวอื่น แถมพ่อก็เดินเตาะแตะๆ ไม่สง่างามเอาเสียเลย  พ่อบอกว่าเพนกวินอย่างเราบินไม่ได้ เราเป็นนกน้ำ  มันเป็นวิถีชีวิตของเพนกวินที่ต้องว่ายน้ำแทนที่จะโบยบินเหมือนนกตัวอื่น 
พ่อบอกว่าแล้ววันหนึ่งผมจะเข้าใจเอง  แต่ตอนนี้ผมฟังแล้วรู้สึกไม่พอใจเท่าไรนักที่ตัวเองบินไม่ได้ 
ผมอยากบินๆ
28 พฤศจิกายน 2002
อยากว่ายน้ำ

ผมตัวโตขึ้นเยอะแล้ว  พ่อบอกว่าอีกหนึ่งเดือนก็จะออกไปหาปลาเองได้ ผมเริ่มรู้สึกอยากว่ายน้ำขึ้นมา พ่อบอกว่ามันคือสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในสายเลือดของเพนกวินทุกตัว 
พ่อเตือนว่าการใช้ชีวิตในน้ำไม่ใช่เรื่องง่าย  แม้นกเพนกวินจะว่ายน้ำเก่ง แต่ใช่ว่าจะหาอาหารได้ง่าย  และสิ่งที่ต้องระวังมากก็คือ ผู้ล่าอย่างแมวน้ำเสือดาวหรือวาฬเพชฌฆาต ที่ชอบกินพวกเราเป็นอาหาร
แม้เรื่องที่พ่อเล่าจะทำให้ผมกลัวขึ้นมาบ้าง แต่ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก  ตอนนี้ผมตื่นเต้นที่จะได้ว่ายน้ำในทะเลอันกว้างใหญ่มากกว่า
 
พวกเราโตขึ้นเยอะ

ตัวจะเท่าพ่ออยู่แล้ว
 
ขนอุยสีเทาหลุดไปแล้ว ตอนนี้ขนว่ายน้ำเริ่มงอกมา
30 ธันวาคม  2002
วันแรกในทะเล

ฤดูร้อนมาเยือน น้ำแข็งเริ่มละลายและแตกออกจนมองเห็นทะเลได้  แม่บอกว่านี่คือสาเหตุที่แม่ต้องวางไข่ในฤดูหนาว เพราะเมื่อลูกนกโตจนพร้อมที่จะออกหาอาหารด้วยตัวเองและเริ่มผลัดขนอุยสีเทาเป็นขนสีดำขาว น้ำแข็งก็จะเริ่มละลายพอดี  ที่สำคัญช่วงนี้เป็นช่วงที่อาหารมีอยู่เยอะมากด้วย 
เช้าวันนี้ ผมและเพนกวินตัวอื่นๆ เดินเรียงแถวกันไปยังริมแผ่นน้ำแข็ง  เพนกวินแต่ละตัวพุ่งเอาหัวลงน้ำ  ผมรีรอชั่วครู่เมื่ออยู่ริมทะเล จนเจ้าตัวที่อยู่ด้านหลังส่งเสียงไม่พอใจ  ผมจึงตัดใจพุ่งลงไปในน้ำ  
ครั้งแรกที่สัมผัสน้ำ มันไม่เย็นอย่างที่คิด  ที่เป็นแบบนี้เพราะผมมีชั้นไขที่หนา และมีขนที่เป็นฉนวนช่วยรักษาความร้อน  นอกจากนี้ขนยังช่วยกันน้ำได้ด้วย ผิวหนังจึงแทบไม่สัมผัสน้ำที่เย็นเฉียบ
ผมว่ายอยู่ที่ผิวน้ำและดำน้ำอย่างง่ายๆ  ถึงแม้จะว่ายน้ำได้ แต่การหาอาหารก็ไม่ใช่เรื่องง่าย  ผมเห็นเพนกวินตัวโตสองตัวที่ว่ายอยู่ข้างๆ จับปลา กุ้ง และหมึก ได้อย่างไม่ยากเย็น  ส่วนตัวผมชักหงุดหงิดและเริ่มหิว  การว่ายน้ำวันแรกของผมสิ้นสุดด้วยการได้กุ้งเพียงหนึ่งตัว  การใช้ชีวิตในทะเลไม่ใช่เรื่องง่ายเสียเลย 

 
เรียงแถวลงน้ำ ตูมซ่า!
20 มกราคม 2003
ลาจากครอบครัว

วันนี้เป็นวันที่ครอบครัวของเราต้องแยกจากกัน  ผมกอดพ่อแม่เป็นครั้งสุดท้าย แล้วพวกเขาก็เดินจากไปพร้อมกับฝูง เราอาจไม่ได้พบกันอีก  ส่วนผมและเพื่อนๆ ก็พร้อมจะเผชิญชีวิตตามลำพัง  พวกเรากำลังมุ่งหน้าสู่ท้องทะเล
ตอนนี้ผมว่ายน้ำได้คล่องขึ้น  ผมว่ายอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็งอย่างเพลิดเพลิน  รูปร่างของพวกเราถูกออกมาให้เพรียวต่อกระแสน้ำ  ปีกของพวกเราทำหน้าที่เหมือนครีบปลา  และเราก็มีกล้ามเนื้อปีกที่ทรงพลังมากด้วย  ในขณะที่เท้าและหางของเรานั้น เปรียบเสมือนหางเสือ  มาถึงตอนนี้ผมไม่น้อยใจแล้วที่ตัวเองบินไม่ได้ เพราะชีวิตของเพนกวินคือการว่ายน้ำ  ผมว่ายน้ำได้สง่างามราวกับนกที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า
 
ช่องเล็กๆ ก็ลงไปได้
 
สู่โลกใบใหม่ บ้านที่แท้จริงของเพนกวิน
15 มีนาคม 2003
เสือดาววายร้าย

บ่ายวันนี้ผมจึงตัดสินใจว่ายออกไปไกลจากบริเวณที่ผมหากินอยู่ประจำ  บริเวณนี้มีปลาเยอะกว่า และมีเพนกวินน้อยกว่าด้วย 
ขณะที่กำลังว่ายน้ำมองหาปลาเพลินๆ ผมก็รู้สึกได้ถึงกระแสน้ำที่พัดวูบมาจากด้านหลัง  ผมพุ่งลงไปด้านล่างทันทีตามสัญชาตญาณ ขณะเดียวกับที่ฟันของสัตว์ตัวใหญ่เฉี่ยวหางไป 
ผมเงยหน้ามอง แมวน้ำเสือดาวขนาด 3 เมตร ว่ายอยู่บนหัวผม  มันเลี้ยวกลับและพุ่งลงมาทันที  ผมรีบว่ายหนี แต่เจ้าแมวน้ำก็เร็วน่าดู มันว่ายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  โชคดีที่แผ่นน้ำแข็งด้านบนมีรอยแตก ผมพุ่งตัวกระโดดขึ้นไปยืนบนแผ่นน้ำแข็งทันก่อนที่เจ้าแมวน้ำจะงับหาง  ผมหันไปดูก็พบว่าเจ้าแมวน้ำตัวร้ายมองมาอย่างหัวเสีย  มันอ้าปากโชว์เขี้ยวยาวแหลม เหมือนจะบอกว่า “คราวหน้าแกไม่รอดแน่”
ผมมองทะเลสีครามที่น่ากลัว แล้วรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่รอดมาได้  แต่วันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปจะเป็นอย่างไร  ผมจะมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่ได้กลับไปยังบ้านเกิดหรือไม่
 
ในทะเลมีอันตรายกว่าที่คิด
 
เจ้าวายร้ายเสือดาวที่น่ากลัว
19 กรกฎาคม 2003
วันเกิดครบรอบ 1 ปี

วันเกิดครอบรอบ 1 ปีของผม  ผมเรียนรู้ว่าชีวิตของเพนกวินจักรพรรดิไมได้ง่ายอย่างที่คิด  เพื่อนของผมหลายตัวจบชีวิตลงในท้องทะเล  บางตัวหาอาหารไม่ได้ บางตัวตกเป็นอาหารของสัตว์ร้าย  ผมเองเอาตัวรอดจากผู้ล่ามาได้หลายครั้ง และเริ่มเรียนรู้เรื่องต่างๆ มากขึ้น
ผมนึกถึงพ่อกับแม่ พวกท่านอาจกำลังดูแลไข่ใบใหม่ หรือน้องของผมอยู่ และวันหนึ่งผมเองก็ต้องทำแบบนั้นเช่นกัน
 
เติบโตเต็มวัย
4 เมษายน 2007
เดินทางสู่ที่วางไข่

เวลาผ่านไปเร็วมาก ตอนนี้ผมอายุเกือบ 5 ปี เป็นนกโตเต็มวัยที่พร้อมจะมีคู่  ในฤดูหนาวแบบนี้ นกอื่นๆ ต่างอพยพขึ้นเหนือไปยังที่ที่อบอุ่นกว่า  แต่เพนกวินจักรพรรดิจะมารวมกลุ่มกันตามแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ๆ รอบทวีปแอนตาร์กติกา เพื่อออกเดินทางไกลไปยังสถานที่ซึ่งห่างไกลจากทะเล สถานที่ซึ่งเราจะหาคู่และวางไข่  และนั้นคือบ้านเกิดของผม
การเดินทางนี้ยาวไกลมาก บางฝูงอาจเดินทางไกลถึง 200 กิโลเมตร  แต่แม้หนทางจะยาวไกลและลำบาก  แต่ผมก็จำเป็นต้องไป เพื่อให้ลูกที่จะถือกำเนิดอยู่รอดปลอดภัย

 
ขบวนเพนกวินเดินทางสู่สถานที่วางไข่
 
เอาท้องไถลไปตามพื้นหิมะ ช่วยให้ไม่ต้องเดิน
 
มาถึงบ้านเกิด สถานที่ให้กำเนิดชีวิต
25 เมษายน 2007
พบรัก

ในที่สุด ผมก็มาบ้านเกิด  กลุ่มของผมมาพบกับกลุ่มที่เดินทางมาจากที่อื่น  จนมารวมฝูงกันกว่า 30,000 ตัว  นี่ยังนับว่าน้อย บางแห่งอาจมีเพนกวินจักรพรรดิมากถึง 2,000,000 ตัว 
เพนกวินตัวผู้ตัวเมียต่างพากันส่งเสียงเซ็งแซ่ไปหมด  ผมเดินหาเจ้าสาวของผมไปเรื่อยๆ บางตัวที่ผมสนใจเธอก็มีคู่แล้ว  และในที่สุดผมก็เจอเพนกวินสาวที่ถูกใจ เธอมาจากหิ้งน้ำแข็งที่อยู่ทางตะวันตก เธอน่ารักมากและมีอายุเท่ากับผม  จากนั้นผมก็เริ่มเกี้ยวพาราสีเธอ เราเดินเคียงคู่ และในที่สุดเราทั้งคู่ต่างก็ตกหลุมรักกัน 
 
หนุ่มๆ สาวๆ เต็มไปหมด
 
จะหาคู่ได้ไหมเนี่ย
 
ฉันรักเธอ
23 พฤษภาคม 2007
หน้าที่ของลูกผู้ชาย

พวกเราอยู่ในบริเวณที่วางไข่ ท่ามกลางเพนกวินหลายพันตัว  แฟนผมบอกว่ากำลังจะวางไข่ในเร็วๆ นี้  ผมจะได้ทำหน้าที่ที่สำคัญที่สุดหน้าที่หนึ่งในชีวิต นั่นคือกกไข่  ผมต้องยืนกกไข่นานกว่า 2 เดือนโดยไม่ได้กินอะไร แต่ก่อนหน้านี้ผมกินมาจนอิ่ม เพื่อใช้เป็นพลังงานตลอดเวลาที่กกไข่  
 เพนกวินจักรพรรดิวางไข่คราวละ 1 ฟอง  เราไม่ทำรังเหมือนเพนกวินหลายชนิด แต่จะวางไข่ไว้บนเท้าและใช้ถุงหน้าท้องห่มทับมันเพื่อให้ความอบอุ่น 
ในที่สุด แฟนผมก็ออกไข่ มันเป็นไข่ที่สวยและสมบูรณ์มาก  เธอส่งไข่ให้ผมแล้วก็กลับไปยังทะเล  เธอจะกลับมาอีกทีตอนที่ลูกของเราเกิด  ผมเฝ้าภาวนาให้เธอปลอดภัย
ผมประคองไข่ไว้บนเท้า ท้องที่อบอุ่นจะช่วยให้ลูกนกอยู่รอดปลอดภัยจากอากาศที่หนาวเหน็บของแอนตาร์ติกา  ผมปล่อยให้ไข่เจออากาศที่เย็นจัดนานไม่ได้ เพราะลูกนกที่อยู่ข้างในจะแข็งตาย  พวกเราเหล่าพ่อนกจะรวมกลุ่มกกไข่ใกล้ๆ กัน เพื่อช่วยให้อบอุ่นขึ้น
แล้วผมก็เริ่มหลับ เพื่อรักษาพลังงานตลอดฤดูหนาว  ในผัน ผมเห็นลูกที่น่ารักออกมาจากเปลือกไข่
 
ไข่ที่ผมต้องดูแล
คุณพ่อทั้งหลายเตรียมพร้อม
30 มิถุนายน 2007
ความโหดร้ายของชีวิต

 วันนี้เป็นวันที่ผมจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต  พายุหิมะพัดกระหน่ำ พวกเพนกวินต่างเบียดตัวเข้าหากัน เพื่อความอบอุ่น  ขณะที่กำลังวุ่นกับการเบียดเข้าฝูง  ผมก็โดนกระแทก จนไข่กลิ้งหลุดหลงจากเท้า 
ผมตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก  แต่พอตั้งสติได้ก็รีบวิ่งตามไป แต่ท่ามกลางความชุลมุนของเพนกวินมากมาย ไข่ของผมถูกชนกลิ้งไปไกลกว่าเดิม พายุหิมะทำให้ทัศนวิสัยแย่มาก ผมร้องด้วยความสับสน ลูกของผมจะเป็นอย่างไร 
หลังจากพยายามเบียดตัวผ่านฝูงเพนกวิน ผมก็พบไข่ มันจมอยู่ในกองหิมะ  ผมแทบจะทรุดตัวล้มลงอยู่ตรงนั้น  ผมประคองไข่ไว้บนอุ้งเท้า  ความเย็นที่สัมผัสได้ของเปลือกไข่ เป็นสัญญาณให้ผมรู้ว่าชีวิตน้อยๆ ที่อยู่ในนี้จบสิ้นลงแล้ว
ผมยินนิ่งอยู่ตรงนั้น ประคองไข่ไว้ราวกับว่าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก  แต่ในใจปวดร้าวจนลืมความหนาวเหน็บที่รายรอบ  ผมจะบอกแฟนอย่างไร ว่าไข่ใบแรกของเราไม่มีโอกาสฟักเป็นตัวต่อไปอีกแล้ว...
 
พายุหิมะและความหนาวเหน็บคือศัตรูร้าย
19 พฤษภาคม 2008
โอกาสครั้งใหม่

1 ปีผ่านไปหลังจากวันที่เลวร้าย  ผมกลับมาที่เดิมอีกครั้ง  ไข่ใบใหม่อยู่บนเท้าของผม   ผมรู้สึกขอบคุณแฟนของผมมากที่เธอยังเข้าใจและให้โอกาสผม  ผมจะไม่ทำพลาดอีกแล้ว ผมไม่อยากเจ็บปวดแบบนั้นอีก 
ผมสัญญากับผืนน้ำแข็งแห่งแอนตาร์กติกาว่าจะทุ่มเทชีวิตเพื่อปกป้องลูกให้ได้
 
จะไม่พลาดอีกเป็นครั้งที่สอง
22 กรกฎาคม 2008
คุณพ่อเพนกวิน

ความผิดพลาดคือประสบการณ์ คราวนี้ผมดูแลไข่ได้เป็นอย่างดี ไข่ของผมปลอดภัยจนถึงวันที่มันจะฟักออกมา
นั่งกกไข่มานาน 65 วัน  ร่างกายผมผอมลงไปมาก น้ำหนักเหลือเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น  ผมมองดูไข่ของเพื่อนๆ ฟักออก แล้วก็เฝ้ารอให้ถึงคราวของตนบ้าง  แฟนของผมกลับมาในวันนี้ เธอมานั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ 
และในเย็นวันนี้ ไข่ใบน้อยก็เริ่มกระดุกกระดิก ไม่นานมันก็เริ่มแตก  เจ้าตัวเล็กที่อยู่ข้างในกำลังกะเทาะมันออกมา ผมและแฟนใช้ปากช่วยแกะเปลือก และลูกของผมก็โผล่หัวออกมา  ผมได้ลูกชาย  เมื่อเขามองหน้าผม ผมรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง  เขาคือสิ่งที่วิเศษที่สุด
ผมพูดกับเขาว่า “สวัสดี เจ้าตัวน้อย ยินดีต้อนรับสู่ชีวิตอัศจรรย์ของเพนกวินจักรพรรดิ”
 
ลูกชายของผม
 
เราคือเพนกวินจักรพรรดิ
แหล่งอ้างอิงดัดแปลงจากบทความเรื่องบันทึกเพนกวินจักรพรรดิ ที่ผมเขียนลงในนิตยสารโก จีเนียส ฉบับที่ 19 เดือนพฤศจิกายน 2549
ภาพประกอบ
จากอินเทอร์เน็ต
 
                                                                  ปลาแซลมอน 


   ปลาแซลมอน  เป็นปลาทะเลในเขตหนาวจัด (Cold water fish)  ปลาแซลมอนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในมหาสมุทร  และเมื่อถึงเวลาที่จะผสมพันธุ์ให้กำเนิดปลาแซลมอนรุ่นใหม่ คือในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว พฤติกรรมของปลาแซลมอนทั้งหลายก็จะว่ายน้ำทวนกระแสน้ำจากมหาสมุทรเข้าสู่แม่น้ำ  กระโดดข้ามเกาะแก่งมากมาย ว่ายน้ำกลับเข้าไปในแม่น้ำระยะทางไม่ต่ำกว่า  1,000 กิโลเมตร และต้องใช้เวลานานไม่ต่ำกว่า  1  เดือน โดยไม่ได้กินอาหารเลย  แต่จะใช้ไขมันที่สะสมอยู่ในตัวแซลมอนในช่วงที่มีชีวิตอยู่ในมหามุทร  ดังนั้นกว่าจะถึงจุดหมายจะสูญเสียน้ำหนักไปถึงร้อยละ 30 - 40   เพื่อกลับไปผสมพันธุ์และวางไข่ (Anadromouse) ในแหล่งน้ำจืดซึ่งมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมที่ตัวเองเกิด มีออกซิเจนสูง สะอาด และเย็น เช่นเดียวกับบรรพบุรุษของแซลมอนทั้งหลายนั่นเองในการผสมพันธุ์และวางไข่  และเมื่อวางไข่เสร็จแล้วต่อมาปลาแซลมอนจะตาย  ดังนั้นบางครั้งก็เรียกกันว่า  ปลาแซลมอนกลับไปวางไข่และตายที่บ้านเกิดของตัวเอง  ซึ่งสิ่งนี้เป็นพฤติกรรมของปลาแซลมอนมาตั้งแต่โบราณมาแล้ว
            ปลาแซลมอนที่ว่ายทวนกระแสน้ำไปจนถึงบริเวณที่จะวางไข่  ปลาแซลมอนเพศเมียจะขุดรังที่เรีกยว่า  A Redd   โดยใช้ปลายหางกวาดบริเวณที่จะวางไข่ไปมา และก็เริ่มวางไข่  หลังจากนั้นปลาแซลมอนตัวผู้ก็จะปล่อยเชื้ออสุจิ  เข้ามาปฏิสนธิกับไข่  ตัวเมียจะใช้หางเพื่อกลบไข่ไม่ให้ถูกกระแสน้ำพัดพาไป และเมื่อวางไข่เสร็จแล้วต่อมาไม่นานปลาแซลมอนเหล่านั้นก็จะตาย
               ไข่ก็จะฟักออกเป็นตัว  การเจริญเติบโตของลูกปลาที่ฟักออกจากไข่  แบ่งออกเป็น  3  ระยะ  คือ
               1. Fry           คือลูกปลาแซลมอนที่เพิ่งฟักออกจากไข่ ตัวยังมีขนาดเล็ก ไดัรับอาหารจากถุงไข่แดง
               2. Parr         คือลูกปลาแซลมอนที่เติบโตขึ้น  มีแถบสีดำๆอยู่ข้างลำตัว
               3.Smolts   คือลูกปลาแซลมอนที่เจริญเติบโตอายุประมาณ 2 ปี อยู่ในวัยที่จะออกจากแหล่งน้ำจืด ออกกสู่มหาสมุทรในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูร้อน  เพื่อดำรงชีวิตในมหาสมุทรต่อไป
             ปลาแซลมอนที่ว่ายน้ำออกจากแหล่งน้ำจืดหรือเรียกกันว่าบ้านเกิด จะว่ายน้ำตามกระแสน้ำ  ออกไปสู่น้ำในมหาสมุทร  ลูกปลาแซลมอนแปซิฟิก  จะว่ายน้ำจากแม่น้ำชายฝั่งอเมริกัน – แปซิฟิก  โผล่ออกสู่มหาสมุทรและมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือหรือทิศตะวันตก ซึ่งปลาแซลมอนทั้งหมดมาจากชายฝั่งตะวันตกของ Alaska  มุ่งสู่ทางใต้  และดำรงชีวิตกินแพลงตอน  สาหร่ายทะเล  จนกว่าจะเจริญเติบโตเต็มวัยสู่วัยเจริญพันธุ์   ภายในเวลาประมาณ  2  ปี  ปลาแซลมอนเหล่านั้นก็จะเริ่มว่ายน้ำเข้าสู่แม่น้ำ  ข้ามเกาะแก่งต่างๆมากมายขึ้นไปจนถึงแหล่งน้ำในบริเวณที่จะผสมพันธุ์และวางไข่  ซึ่งเป็นบริเวณบ้านเกิดของปลาแซลมอนนั่นเอง  เป็นวัฏจักรของชีวิตของปลาแซลมอน




อ้างอิงจาก





วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เเบบฝึกหัด
บทที่ 4 เทคโนโลยีสารสนเทศ                                                                          กลุ่มเรียนที่  2
รายวิชา การจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตปรจำวัน                               รหัสวิชา 0026008
ชื่อ นาย ธวัช      ขันตรีจิตร                                                                              รหัสนิสิต 56011210026



อุปกรณ์การบันทึกและการจัดเกิบข้อมูล
            Flash   Drive
DVD-ROM Drive
ฮาร์ดดิสก์
อุปกรณ์การแสดงผล ฮาร์ดดิสก์
จอภาพ
ลำโพง
เครื่องปริ้นเตอร์
อุปกรณ์การประมวนผล
เมนบอร์ด
ชิปเซต
ชีพียู
อุปกรณ์การสื่อสารและเครือข่าย
โมเดม
เร้าเตอร์
อินเตอร์เน็ต






  3   ซอฟต์แวร์ประยุค
  5   Information Technology
  1   คอมพิวเตอร์ในยุคประมวลข้อมูล
  6  เทคโนโลยีสารสนเทศประกอบด้วย
  10  ช่วยเพิ่มผลผลิตเพิ่มต้นทุนและประสิทธิภาพในการทำงาน
  7   ซอฟต์แวร์ระบบ
  8   การนำเสนอบทเรียนในรูปแบบมัลติมีเดี่ยที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้ตามระดับความสามารถ
  2  EDI
  4  การสื่อสารโทรคมนาคม
  9  บริการชำระภาษีออนไลน์

บทความที่ สอง

หมีขั้วโลกหรือหมีขาว


 


 หมีขั้วโลก (Polar Bear) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นนักล่าแห่งดินแดนขั้วโลกเหนือที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพชีวิตกลางน้ำแข็ง ธรรมชาติสร้างให้หมีขาวแตกต่างจากหมีพันธุ์อื่น คือ มีขนคลุมอุ้งเท้า นิ้วเท้าสั้น เล็บโค้งงอเพื่อ ให้ยึดน้ำแข็งได้อย่างมั่นคง ในขณะเดียวกันก็มีท่อนขาขนาดใหญ่เพื่อเฉลี่ยน้ำหนักมหาศาล เพื่อสามารถเดินบนน้ำแข็งบางๆ ได้


หมีขั้วโลก ตัวผู้หนักถึง 775-1,500 ปอนด์ ส่วนตัวเมียหนัก 330-500 ปอนด์ มีถิ่นที่อยู่บริเวณอาร์กติก ขั้วโลกเหนือ แต่ไม่มีหลักแหล่งที่แน่นอน พบในอลาสกาแคนาดา รัสเซีย เดนมาร์ก (กรีนแลนด์) และนอร์เวย์ เป็นสัตว์สปีชีส์หนึ่งของโลกที่กำลังถูกคุกคาม ปัจจุบันหมีขั้วโลกมีจำนวนประมาณ 22,000-27,000 ตัว อยู่ในแคนาดามากที่สุดคือราว 15,000 ตัว ซึ่งการดำรงชีวิตให้อยู่รอดในแถบอาร์กติกที่มีอุณหภูมิหนาวเย็น ทำให้สัตว์หลายๆ ชนิดใช้เวลายาวนานในการวิวัฒนาการจนมีขนสีขาว หรือเปลี่ยนสีขนในฤดูหนาวจนกลมกลืนกับหิมะ ซึ่งเป็นการพรางตัวที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และหาอาหาร ดังเช่นกระต่ายป่าสีขาว (white hare) , นกนางนวลอาร์กติก (Arctictern) , ตัววีเซล (weasel) , ตัวเลมมิง (lemming) , หมาจิ้งจอกอาร์กติก (Arctic fox)
โดยเฉพาะหมีขั้วโลก (polar bear) ที่ใช้เวลาประมาณ 2 แสนปี พัฒนา และมีวิวัฒนาการจากหมีสีน้ำตาลมาเป็นหมีขาว
ทุกวันนี้


หมี ขั้วโลกหรือที่นักวิทยาศาสตร์บางคนระบุว่ามันคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์แห่งมหาสมุทรที่ชอบใช้ชีวิตอยู่ในน้ำมากกว่าบนบกหมีชนิดนี้อาศัยอยู่ในดินแดนน้ำแข็งที่หนาวเหน็บเกินกว่ามนุษย์จะเข้าใจ
ที่ราบทุนดร้าแห่งอาร์คติค มีพื้นที่ 5 ตารางไมล์ ที่นี่มีฤดูหนาวกินระยะเวลานานถึง 4 เดือน ซึ่งอุณหภูมิจะลดลงไปเรื่อยๆ จนถึงลบ 50องศาเซลเซียล ลมจะพัดผ่านผืนหิมะอันว่างเปล่าด้วยความเร็วประมาณ 100 ไมล์ต่อชั่วโมง ส่วนผืนน้ำถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งที่ลึกกว่า6 ฟุตท่ามกลางความหนาวเหน็บนี้ หมีขั้วโลกใช้เวลายาวนานกว่าสองแสนปี เพื่อพัฒนาศิลปะแห่งการอยู่รอดในดินแดนแห่งนี้

แต่การปรับตัวบางอย่างถูกคิด ค้นมาหลอกเราได้อย่างชาญฉลาด เช่น ขนสีขาวราวหิมะอันแสนสวยที่แลดูขาวสะอาดและละเอียดของมัน แท้จริงแล้วขนของมันไม่ใช่สีขาวเลยแม้แต่น้อย ซึ่งขนของหมีขั้วโลกนั้นเหมือนกับผ้าห่มหนาที่ทำมาจากหลอดดูดน้ำแบบละเอียด ทั้งหมดเหมือนเคลือบด้วยยาทาเล็บ แพขนจะสะท้อนแสงแดดที่ทอดลงมาบนหิมะ ทำให้มันดูเป็นสีขาวและกลืนไปกับสภาพแวดล้อม

เมื่อถึงเวลาอาหาร นักกินที่มูมมามอย่างหมีขั้วโลกจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อกินอย่างสะอาดการ ดูแลตัวเองเป็นเรื่องใหญ่ของหมีขั้วโลก พวกมันสนใจกับการดูแลตัวเองมาก และไม่แปลกที่หมีจะหยุดกินแล้วทำความสะอาดอุ้งเท้าที่เปรอะไปด้วยเลือด ก่อนจะกลับไปกินต่อแต่ที่หมีขั้วโลกทำเช่นนี้คือมีเหตุผลว่าขนที่เกรอะกรัง และสกปรกจะไม่สามารถช่วยป้องกันความหนาวเย็นได้ เพราะการป้องกันความหนาวคือสิ่งสำคัญต่อหมีขั้วโลก หมีมีระบบทำความร้อนสำรองใต้เส้นขน ชั้นไขมันหนาจะเก็บความร้อนไว้ภายในร่างกายซึ่งหมีขั้วโลกจะรักษาอุณหภูมิร่างกายให้เป็นปกติอยู่ตลอดเวลา

ในบางครั้ง ขนที่หนาและละเอียดของมัน รวมถึงชั้นไขมันอาจทำให้ความร้อนในตัวสูงเกินไปจนอาจเสียชีวิตได้ ทำให้พวกมันต้องใช้ชีวิตอย่างเชื่องช้า งานวิจัยต่างๆ แสดงว่าการเดินช้าๆ ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกายของพวกมันได้ เจ้าหมีจะเดินไปบนน้ำแข็งและหิมะด้วยความเร็วเพียง 3 – 4 ไมล์ต่อชั่วโมงเท่านั้น


หมีขั้วโลกครองสถิติเท้าใหญ่ ที่สุดในบรรดาตระกูลหมีทั้งหมด อุ้งเท้าขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบมาพิเศษสำหรับน้ำแข็งโดยเฉพาะ เท้าของมันปกคลุมไปด้วยปุ่มคล้ายนิ้วที่เรียกว่า พาพิเล ซึ่งช่วยทำให้ฝ่าเท้ามีลักษณะเหมือนกระดาษทราย ทำให้มีแรงฝืดบนน้ำแข็งอันแสนลื่นได้ เท้ากึ่งพังผืดทำให้สามารถว่ายน้ำได้อย่างง่ายดาย อุ้งเท้าหนาทำหน้าที่เปรียบเสมือนไม้พาย ผลักดันร่างกายอันใหญ่โตผ่านน้ำ ฝ่าเท้าหลังบังคับทิศทางเสมือนหางเสือกรงเล็บจะจิกลงไปบนแผ่นน้ำแข็งช่วยให้ มันยกตัวขึ้นจากน้ำได้ พวกมันไม่มีปัญหาในการเกาะแพน้ำแข็งเพื่อเดินเช่นกัน เท้าใหญ่ของมันจะช่วยในการกระจายน้ำหนักเหนือแผ่นน้ำแข็งบางๆ และถ้าหากน้ำแข็งบางเกินไปพวกมันจะนอนราบไปบนพื้นน้ำแข็งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแตกหัก

หมีเพศเมียที่ตั้งท้องต้องขุดโพรงสำหรับคลอดลูกในฤดูใบไม้ร่วง ลูกหมีมักถือกำเนิดในเดือนธันวาคมและมกราคม ตอนเกิดพวกมันจะมีน้ำหนักเพียงหนึ่งปอนด์เท่านั้น และจะใช้เวลา 3 – 4 เดือน ในการกินและนอนหลับเคียงข้างแม่ แต่ไม่ใช่การจำศีล เพราะหมีขั้วโลกไม่มีการจำศีล

หมีขั้วโลกจะกินเกือบทุกสิ่ง มันกินวอลรัส สุนัขจิ้งจอก นกทะเล ในบางครั้งฝูงวาฬเบลูก้าจะว่ายเข้ามาติดในช่องว่างระหว่างแพน้ำแข็งทำให้หมีหาอาหารง่าย หมีขาวร่างใหญ่กินอาหารหลากชนิด แต่สัตว์หลากชนิดเหล่านั้นต้องอาศัยหมีเหมือนกัน เช่นสุนัขจิ้งจอกขั้วโลกมันจะคอยติดตามหมีอยู่เสมอเพื่อหาเศษอาหารที่เหลือ นอกจากหมีขั้วโลกจะกินเนื้อสัตว์แล้ว มันยังต้องหาแหล่งแร่ธาตุและวิตามินเพื่อพวกมันจะได้กินอาหารครบหมู่ แม่หมีจะคอยแสดงให้ลูกเห็นถึงประโยชน์ของการกินผักเขียวตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นเพราะเจ้าตัวเล็กชอบที่จะเลือกกิน

หมีขั้วโลกทั้งเพศผู้และเพศ เมีย ต่างเป็นนักพเนจรที่โดดเดี่ยว แยกห่างจากกันและกัน นอกเหนือจากเวลาที่พวกมันมาชุมนุมกันเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เช่น ในฤดูผสมพันธุ์ หมีที่สูง10 ฟุต โตเต็มที่อาจอยู่ได้นาน 30 ปี ตลอดชีวิตของหมีขั้วโลกนั้น การอดทน การออกล่าการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด นี่คือวิถีแห่งราชาน้ำแข็ง วิถีแห่งหมีขั้วโลกอย่างแท้จริง

อ้างอิง